ประกาศ บริษัทวีทูเอ็กซ์ จำกัด

ที่ 000/2565

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัท วีทูเอ็กซ์ จำกัด (“V2X บริษัท”)

หรือ “ของบริษัท” เล็งเห็นถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
(ตามที่นิยามไว้ด้านล่างนี้) ในนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้
(“นโยบายฯ”) จะอธิบายการเก็บ ใช้ เปิดเผย
และ หรือโอนไปต่างประเทศของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้รับจากแหล่งต่าง ๆ
ตลอดจนสิทธิของท่านและแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับข้อมูลดังกล่าว

1.) เกี่ยวกับบริษัท

บริษัท เป็นผู้ควบคุมข้อมูลที่เก็บ
ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัท เป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายของประเทศไทย
มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 183 อาคารรีเจ้นท์
เฮ้าส์ ชั้น 18 ถนนราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน
กรุงเทพฯ 10330

2.) วิธีการติดต่อบริษัท

หากท่านต้องการสอบถามเพิ่มเติมหรือต้องการใช้สิทธิของท่านตามนโยบายฯ
นี้ ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้

ทางอีเมลถึงบริษัทที่
: [email protected]

ทางโทรศัพท์ติดต่อบริษัทได้ที่หมายเลข
02 078 5558 (ศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า เวลาทำการ:
จันทร์ – ศุกร์ 8.30 – 17.00 น.)

ทางไปรษณีย์ถึง
บริษัท วีทูเอ็กซ์ จำกัด (สำนักงานใหญ่) เลขที่ 183 อาคารรีเจ้นท์ เฮ้าส์ ชั้น 18 ถนนราชดำริ
แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330

3.) ข้อมูลส่วนบุคคลคืออะไร

“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง
ข้อมูลใดก็ตามเกี่ยวกับบุคคล ซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้
ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ

“ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” คือ ข้อมูลที่ประกอบด้วยเชื้อชาติหรือชาติพันธุ์
ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อทางศาสนาหรือปรัชญา หรือการเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน
ข้อมูลทางพันธุกรรม ข้อมูลไบโอเมตริก
ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพหรือข้อมูลเกี่ยวกับชีวิตเพศหรือรสนิยมทางเพศของบุคคลธรรมดา
เป็นต้น

4.) ข้อมูลส่วนบุคคลใดที่เก็บรวบรวม

4.1)
ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ของท่านกับบริษัท
และบริการหรือผลิตภัณฑ์ที่ท่านต้องการจากบริษัท
ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับท่านที่บริษัทอาจเก็บรวมรวม ใช้ เปิดเผย
และ/หรือโอนไปยังต่างประเทศ
รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงข้อมูลส่วนบุคคลประเภทดังต่อไปนี้

(ก) รายละเอียดส่วนตัว เช่น คำนำหน้าชื่อ
ชื่อ นามสกุล เพศ อายุ อาชีพ ตำแหน่งงาน ที่ทำงาน ตำแหน่ง การศึกษา สัญชาติ
วันเกิด สถานภาพทางการสมรส ข้อมูลบนบัตรที่ออกโดยรัฐบาล (เช่น
เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน เลขหนังสือเดินทาง เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร
ข้อมูลใบอนุญาตขับขี่ผลิตภัณฑ์ เป็นต้น) ลายมือชื่อ การบันทึกเสียง
การบันทึกการสนทนาทางโทรศัพท์ รูปถ่าย การบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิด ทะเบียนบ้าน
และข้อมูลประจำตัวอื่น ๆ

(ข) รายละเอียดที่ใช้ติดต่อ เช่น ที่อยู่
หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรสาร ข้อมูลตำแหน่งที่ตั้ง ที่อยู่อีเมล LINE ID บัญชี Facebook Instagram ID และ ID อื่น
ๆ จากเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์

(ค) รายละเอียดผลิตภัณฑ์ เช่น หมายเลขประจำผลิตภัณฑ์
หมายเลขป้ายทะเบียนผลิตภัณฑ์ ยี่ห้อ รุ่น ปี สี หมายเลขเครื่องยนต์
หมายเลขตัวถังรถ ประเภทผลิตภัณฑ์ ระยะทางเป็นกิโลเมตร แบตเตอรี่ แรงดันไฟฟ้า
ระดับน้ำมัน การสึกหรอของเบรก ข้อมูลตำแหน่งและการเคลื่อนที่ (เช่น เวลา ตำแหน่ง
ความเร็ว) รายละเอียดการประกันภัยผลิตภัณฑ์ รายละเอียดของอุปกรณ์เสริม เช่น
อุปกรณ์รับส่งสัญญาณ ซิมการ์ด รายละเอียดข้อมูลที่ได้รับจากการใช้บริการ ข้อมูล GPS และตำแหน่งของผลิตภัณฑ์
และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่นข้อมูลการบำรุงรักษา
และข้อมูลการซ่อมแซม เป็นต้น

(ง) รายละเอียดธุรกรรม เช่น
รายละเอียดการชำระเงิน วันที่และ/หรือเวลาที่ชำระเงิน จำนวนเงินที่ชำระ
วิธีการชำระ รายละเอียดเกี่ยวกับการขอเงินคืน การลงทะเบียน ดอกเบี้ย ค่างวดและจำนวนงวด
แบบฟอร์มขอใช้บริการ ใบจองซื้อ ใบตอบรับ ลายมือชื่อผู้รับ ใบเสร็จรับเงิน
ใบแจ้งหนี้ ธุรกรรม ประวัติธุรกรรม สถานะธุรกรรม และรายละเอียดอื่น ๆ
ของบริการหรือผลิตภัณฑ์ที่ท่านซื้อ

(จ) รายละเอียดด้านการตลาดและการสื่อสาร
เช่น ตัวเลือกของท่านในการรับข้อมูลทางการตลาดจากบริษัท บริษัทในเครือ
บริษัทคู่ค้า และตัวเลือกในการติดต่อสื่อสารของท่าน

(ฉ) รายละเอียดประวัติ เช่น บัญชีผู้ใช้บริการ ชื่อลงทะเบียนเข้าใช้หรือชื่อผู้ใช้ Application (เช่น V2X-A2) รายละเอียดประวัติการใช้บริการและผลิตภัณฑ์ของบริษัท ภาพถ่าย
ประวัติการติดต่อ ประวัติการร้องเรียน ความสนใจของท่าน ความต้องการ คำติชม
และคำตอบในแบบสอบถามความพึงพอใจ

(ช) รายละเอียดทางเทคนิค เช่น
ที่อยู่อินเทอร์เน็ตโพรโทคอล (Internet Protocol : IP) ประเภทและเวอร์ชั่นของเบราว์เซอร์ พฤติกรรมและรูปแบบการสืบค้นของท่าน
คุกกี้ รหัสอุปกรณ์ (Device ID) รุ่นอุปกรณ์และประเภทของอุปกรณ์
ระยะเวลาและสถานที่ที่เข้าถึง

4.2)
การให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่น
เช่น ชื่อ นามสกุล รายละเอียดที่อยู่
และหมายเลขโทรศัพท์สำหรับการติดต่อฉุกเฉินแก่บริษัท หรือสมาชิกครอบครัวที่ใช้รถของท่าน
ท่านต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าท่านมีอำนาจที่จะกระทำได้และบริษัทได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมายให้ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลเหล่านั้นตามนโยบายฯ
นี้ โปรดให้นโยบายฯ นี้แก่บุคคลเหล่านั้นเพื่อให้รับทราบและ/หรือขอความยินยอม
(หรือใช้ฐานทางกฎหมายอื่น ๆ เป็นข้อยกเว้นความยินยอม)
ให้ส่งมอบข้อมูลดังกล่าวให้แก่บริษัทตามนโยบายฯ นี้

4.3)
บริษัทจะไม่ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลประเภทที่มีความอ่อนไหว
เช่น เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ
ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ
ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ เป็นต้น
เว้นแต่ในกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้บริษัททำได้
หรือเมื่อท่านให้ความยินยอมไว้โดยชัดแจ้ง

ท่านจะต้องทำการตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดที่ให้ไว้เป็นข้อมูลที่ครบถ้วน
ถูกต้อง และเป็นจริง

5.) วิธีการรับและเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทอาจได้รับและเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยวิธีการต่าง
ๆ ดังนี้

(ก) ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้แก่บริษัท:
ท่านอาจให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่บริษัทโดยตรง จะมีขึ้นเมื่อท่านติดต่อบริษัทเมื่อต้องการสอบถามข้อมูล
กรอกข้อมูลในแบบฟอร์มออนไลน์หรือกรอกเอกสาร
การสมัครสมาชิกหรือลงทะเบียนเพื่อการรับหรือขอทราบข้อมูลผลิตภัณฑ์ บริการ
หรือสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ จากบริษัท หรือเมื่อท่านแสดงความคิดเห็นกลับมายังบริษัท

(ข) ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมจากท่านโดยอัตโนมัติ:
บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลทางเทคนิคบางประการเกี่ยวกับอุปกรณ์ของท่าน
พฤติกรรมและรูปแบบการสืบค้นของท่าน ซึ่งเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่จัดเก็บโดยคุกกี้ (Cookies) และเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่คล้ายกัน
โดยบริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบก่อนการใช้งาน

(ค) ข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับจากบุคคลภายนอก:
บางครั้งบริษัทจะได้รับข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับท่านจากผู้อื่น เช่น บริษัทในเครือ
ผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ผู้ให้บริการของบริษัท หรือบริษัทคู่ค้าของบริษัท
หากบริษัทเหล่านั้นได้รับอนุญาตให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บริษัทตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังกล่าว
และ/หรือซึ่งท่านได้เคยให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลไว้กับบุคคลดังกล่าวแล้วแต่กรณี

6.) วัตถุประสงค์และฐานกฎหมายในการรวบรวม
ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ต่อไปนี้
(เรียกรวมกันว่า “วัตถุประสงค์”)

(ก)
เพื่อจัดหาผลิตภัณฑ์และบริการให้แก่ท่าน: เพื่อบริหารจัดการ
เข้าทำสัญญาและปฏิบัติหน้าที่ของบริษัทตามสัญญา หรือข้อผูกพันใด ๆ
ก็ตามที่บริษัทมีร่วมกับท่าน หรือองค์กรที่ท่านเป็นตัวแทน เช่น การทดลองใช้งาน การส่งมอบผลิตภัณฑ์
การปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายผลิตภัณฑ์ บริการที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงิน
ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบ การยืนยัน และการยกเลิกธุรกรรม การรับประกันผลิตภัณฑ์
การเจรจาประกันภัยและบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับประกันภัย
การลงทะเบียนให้บริการที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการอื่นๆ การให้บริการหลังการขาย
เพื่อระบุตำแหน่งผลิตภัณฑ์ของท่าน การให้บริการ แก่ท่าน เช่น
บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน บริการอำนวยความสะดวกและแก้ปัญหาต่าง ๆ
พร้อมตรวจสอบประวัติและข้อมูลผลิตภัณฑ์ เพื่อประมวลผลการจ่ายเงินการใช้บริการ
ออกใบเสร็จ จำนวนเงินที่ค้างชำระ ใบแจ้งหนี้ และหลักฐานการซื้อ เพื่อ
การให้สิทธิประโยชน์ รวมถึงการให้บริการอื่น ๆ ตามที่บริษัท และผู้แทนจำหน่าย
มีฐานะเป็นผู้ให้บริการ หรือได้รับการร้องขอจากท่าน เป็นต้น

(ข) การลงทะเบียนและการยืนยันตัวตน:
เพื่อดำเนินการตรวจสอบและยืนยันตัวของท่าน ในการลงทะเบียนและเข้ารับบริการต่าง ๆ
จากบริษัท

(ค) เพื่อปรับปรุงการดำเนินธุรกิจ
ผลิตภัณฑ์และบริการ: เพื่อการประเมิน วิเคราะห์ จัดการ ปรับปรุง ดำเนินการวิจัย
วางแผน ทำแบบสำรวจและวิเคราะห์เชิงสถิติ เพื่อนำไปพัฒนาระบบ
คุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์และการให้บริการของบริษัท เช่น
ความพึงพอใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์
ความพึงพอใจเกี่ยวกับการขายผลิตภัณฑ์หรือการให้บริการของผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์
เพื่อประเมินประสิทธิภาพในเรื่องผลิตภัณฑ์ สื่อดิจิทัล
และแคมเปญทางการตลาดของบริษัท รูปแบบและกระแสความนิยมด้านการบริโภค พฤติกรรม เป็นต้น
รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับความชอบและความสนใจของท่านในผลิตภัณฑ์หรือการบริการของบริษัท
หรือเพื่อสร้างรายงานแบบรวมและเป็นนิรนาม เพื่อทราบถึงปัญหาและวิธีการแก้ไข
หรือเพื่อการฝึกอบรมพนักงาน และการประเมินผลงานของพนักงาน เพื่อปรับปรุงธุรกิจ
ผลิตภัณฑ์และบริการ

(ง)
เพื่อจัดการความสัมพันธ์กับท่าน:
เพื่อติดต่อสื่อสารกับท่านเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการที่ท่านได้รับจากบริษัท
บริษัทในเครือ ผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ผู้ให้บริการของบริษัท
หรือจากบริษัทคู่ค้าของบริษัท เพื่อแจ้งเตือนท่านรวมไปถึงแจ้งเตือนการต่ออายุใช้งาน
เพื่อประมวลผลและอัปเดตข้อมูลของท่านในฐานะสมาชิกของบริษัท
เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ท่านใช้งาน
จัดเตรียมรายงานการเดินทางและตรวจสอบสถานะและข้อมูลผลิตภัณฑ์
เพื่อรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าของบริษัท
เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ท่านในการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อการดำเนินการให้ความช่วยเหลือ
ประสานงาน รับฟังความคิดเห็น
หรือการตอบข้อซักถามที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท

(จ) การตลาดและการสื่อสาร:
เพื่อการแจ้งข้อมูลข่าวสาร การประชาสัมพันธ์ การสื่อสาร
และการส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์หรือการให้บริการของบริษัทและ/หรือ ผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์
ผู้ให้บริการของบริษัท บริษัทคู่ค้า
เพื่อส่งจดหมายเชิญให้ท่านร่วมงานกิจกรรมของบริษัท
ผ่านช่องทางการติดต่อของบริษัทและ/หรือ ผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ผู้ให้บริการของบริษัท
บริษัทคู่ค้า ได้แก่ เว็บไซต์ อีเมล โทรศัพท์ โทรสาร ไปรษณีย์ SMS MMS หรือสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เป็นต้น

(ฉ) การจัดการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ:
เพื่อดูแลจัดการ การดำเนินงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การจัดการระบบการสื่อสาร
การรักษาและตรวจสอบความปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
และการตรวจสอบความปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
การจัดการธุรกิจเพื่อการปฏิบัติตามข้อกำหนด นโยบาย และกระบวนการภายใน

(ช) การปฏิบัติตามกฎหมาย:
เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบ กฎเกณฑ์ คำสั่ง
ข้อกำหนดและหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท

(ซ) ความเสี่ยง:
เพื่อการจัดการความเสี่ยงตรวจสอบประสิทธิภาพ และประเมินความเสี่ยง

(ฌ) การปกป้องผลประโยชน์ของบริษัท:
เพื่อวัตถุประสงค์ด้านความมั่นคงปลอดภัย เช่น การถ่ายภาพ และ บันทึกวีดีทัศน์ เพื่อใช้สิทธิของบริษัทและปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทเมื่อจำเป็นและชอบด้วยกฎหมาย
ตัวอย่างเช่น เพื่อตรวจจับ ป้องกัน และตอบสนองต่อข้อร้องเรียน
เพื่อจัดการและป้องกันการสูญเสียทรัพย์สิน
เพื่อตรวจจับและป้องกันการกระทำผิดภายในสถานที่หรือระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัท

(ญ)
การตรวจจับการทุจริต: เพื่อพิสูจน์ตัวตนของท่าน
เพื่อตรวจสอบว่ามีการปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบอื่นๆ (เช่น
เพื่อปฏิบัติตามกฎด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และป้องกันการทุจริต)
รวมถึงการทำการตรวจสอบและบันทึกเป็นการภายใน การจัดการทรัพย์สิน ฐานข้อมูลด้านการทุจริต
ระบบ และการควบคุมธุรกิจอื่นๆ

(ฎ) ธุรกรรมองค์กร: ในกรณีของการขาย การโอน
การควบรวม การฟื้นฟูกิจการ หรือกรณีอื่นที่คล้ายกัน
บริษัทอาจส่งหรือโอนข้อมูลของท่านให้กับบุคคลที่สามหนึ่งฝ่ายหรือมากกว่าในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินการดังกล่าว

(ฏ) ชีวิต:
เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล

6.2)
บริษัทเก็บรวบรวม
ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้หลักเกณฑ์หรือฐานทางกฎหมาย
ประการใดประการหนึ่งต่อไปนี้

(ก) เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่บริษัทอยู่ภายใต้บังคับ

(ข) เพื่อปฏิบัติตามสัญญาที่ท่าน
หรือองค์กรที่ท่านเป็นตัวแทน
เป็นคู่สัญญากับบริษัทหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญานั้น

(ค)
เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบตามกฎหมายของบริษัทและของบุคคลภายนอก

(ง) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต
ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล

(จ) เพื่อประโยชน์สาธารณะ
สำหรับการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือการใช้สิทธิของเจ้าหน้าที่ของรัฐ

(ฉ)
ในกรณีที่จำเป็นต้องอาศัยความยินยอมจากท่านสำหรับกิจกรรมบางประเภทซึ่งเกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม
ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
บริษัทจะขอความยินยอมจากท่านก่อนการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

6.3)
ในกรณีที่บริษัทอาจใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
เพื่อการดำเนินการอย่างอื่นที่ไม่ได้ระบุไว้ข้างต้น บริษัทจะมีหนังสือบอกกล่าวให้แก่ท่านเพื่อทราบเพิ่มเติม
โดยจะระบุถึงข้อมูลที่ใช้เกี่ยวกับการดำเนินการดังกล่าวและจะดำเนินการขอความยินยอมจากท่านก่อนในกรณีที่ต้องได้รับความยินยอมจากท่าน

6.4)
ในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากท่านเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือสัญญาหรือมีความจำเป็นต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อเข้าทำสัญญา
แล้วท่านไม่สามารถให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัทเมื่อมีการร้องขอ
บริษัทอาจไม่สามารถปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องข้างต้นได้

7.) การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

7.1)
บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลภายนอกซึ่งเก็บรวบรวม
ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อวัตถุประสงค์ตามนโยบายฯ ฉบับนี้
โดยท่านสามารถอ่านนโยบายส่วนบุคคลของบุคคลภายนอกเหล่านั้นเพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการที่บุคคลภายนอกดังกล่าวเก็บรวบรวม
ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้
ซึ่งท่านเองก็ตกอยู่ภายใต้นโยบายความเป็นส่วนตัวเหล่านั้นแยกต่างหากด้วยเช่นกัน

7.2)
บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้วัตถุประสงค์
ให้แก่บุคคลที่สามดังต่อไปนี้

(ก)
เนื่องจากบริษัทอาจมีความจำเป็นต้องโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบริษัทในเครือ
และ/หรือคู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ

(ข) ผู้ให้บริการของบริษัท:
บริษัทอาจแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ผู้ให้บริการหรือผู้จัดหาผลิตภัณฑ์บริการจากภายนอกเพื่อให้บริการต่าง
ๆ แทนบริษัทหรือเพื่อช่วยในการจัดหาผลิตภัณฑ์และบริการให้แก่

(ค) บริษัทคู่ค้าของบริษัท:
ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ธุรกิจสถาบันการเงิน ธุรกิจค้าปลีก
ธุรกิจโทรคมนาคม ธุรกิจร้านอาหาร เป็นต้น
ที่บริษัทอาจร่วมเสนอหรือเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการให้แก่ท่าน

(ง) บุคคลภายนอกตามที่กฎหมายกำหนด:
ในบางกรณี
บริษัทอาจต้องเปิดเผยหรือแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย
หรือกฎข้อบังคับ ซึ่งรวมถึง การปฏิบัติตามหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย ศาล
เจ้าพนักงาน หน่วยงานรัฐ หรือบุคคลภายนอกอื่น ๆ ในกรณีที่บริษัทเชื่อว่าจำเป็นจะต้องปฏิบัติตามหน้าที่ตามกฎหมายหรือกฎข้อบังคับทางกฎหมาย
หรือเพื่อการปกป้องสิทธิของบริษัท สิทธิของบุคคลอื่น หรือเพื่อความปลอดภัยของบุคคล
หรือเพื่อตรวจสอบ ป้องกัน หรือจัดการเกี่ยวกับปัญหาการทุจริต
หรือด้านความมั่นคงหรือความปลอดภัย

(จ) ที่ปรึกษา: ซึ่งรวมถึงทนาย
เจ้าหน้าที่เทคนิค และผู้ตรวจสอบบัญชีที่ช่วยเหลือในการดำเนินธุรกิจของบริษัท
และใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายและต่อสู้สิทธิเรียกร้องในทางกฎหมาย

(ฉ) ผู้รับโอนสิทธิและ/หรือหน้าที่:
ในกรณีของการฟื้นฟูกิจการ การควบรวมกิจการ การโอนธุรกิจไม่ว่าทั้งหมดหรือส่วนหนึ่ง
การขาย การซื้อ การดำเนินกิจการร่วมค้า การมอบ การโอน
หรือการจำหน่วยส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของธุรกิจ ทรัพย์สิน หรือหุ้น
หรือธุรกรรมอื่นที่คล้ายกัน

7.3)
บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลภายนอกในกรณีที่กฎหมายกำหนดหรืออนุญาต
ดังนั้นหากกฎหมายกำหนดว่าต้องได้รับความยินยอมจากท่าน
บริษัทจะขอความยินยอมจากท่านก่อน

8.) การโอนและคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

8.1)
เนื่องจากบริษัท
อาจมีการโอนหรือส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านระหว่างบริษัทในเครือ และ/หรือคู่ค้า พันธมิตร
เพื่อการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้วัตถุประสงค์ข้างต้น
เพื่อให้ท่านสามารถเข้าถึงบริการของบริษัท เพื่อให้การดูแลลูกค้า
เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับการปรับปรุงบริการ เพื่อการพัฒนาเนื้อหา
หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ที่ระบุในนโยบายฯ นี้

8.2)
เมื่อมีการโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบริษัทในเครือ
และ/หรือคู่ค้า พันธมิตร
บริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
รวมถึงบริษัทจะปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยเพื่อให้แน่ใจว่ามีการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระดับที่เพียงพอ
และบริษัทจะตรวจสอบให้แน่ใจด้วยว่า ผู้รับโอนข้อมูลในต่างประเทศจะให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยมาตรฐานการคุ้มครองที่เทียบเท่ากับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายของประเทศไทยเช่นเดียวกัน
หากจำเป็น

8.3)
ในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นในการโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ
หากบริษัทพบว่ามาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในต่างประเทศนั้นไม่เพียงพอตามหลักเกณฑ์การให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่คณะกรรมการประกาศกำหนด
บริษัทจะขอความยินยอมจากท่านหรืออาศัยฐานทางกฎหมายอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้องซึ่งอนุญาตให้กระทำได้เพื่อโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านออกนอกประเทศไทย

9.) ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล

9.1)
บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็น
เพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในนโยบายนี้
และตามหน้าที่ของบริษัทภายใต้กฎหมาย
โดยหลังจากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่มีความจำเป็นหรือไม่มีกฎหมายให้สามารถเก็บได้อีกต่อไป
บริษัทจะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนั้น โดยไม่ต้องแจ้งให้ท่านทราบ

9.2)
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูลอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
ในกรณีที่จะนำข้อมูลส่วนบุคคลมาใช้เป็นระยะเวลาสั้น ๆ เช่น
เพื่องานใดงานหนึ่งเป็นการเฉพาะ กิจกรรมทางการตลาด หรือเพื่อวัตถุประสงค์ในการสรรหาบุคลากร
บริษัทอาจลบหรือทำลายข้อมูลนั้นหลังสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว

9.3) ท่านมีสิทธิที่จะให้บริษัทลบ ทำลาย
หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ในบางกรณี
เว้นแต่บริษัทมีความจำเป็นที่จะต้องเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตามกฎหมายกำหนด

10.)
นโยบายความเป็นส่วนตัวของผู้เยาว์

ผลิตภัณฑ์
บริการและเว็บไซต์ของบริษัทไม่ได้มีเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ที่จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากผู้เยาว์
รวมถึง บุคคลเสมือนไร้ความสามารถ และบุคคลไร้ความสามารถ

ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้เยาว์ซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะโดยการสมรส หรือไม่มีฐานะเสมือนดังบุคคลซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้วตามมาตรา
19 มาตรา 20 หรือ มาตรา 27
แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว
ให้ดำเนินการ ดังต่อไปนี้

(ก) ในกรณีที่การให้ความยินยอมของผู้เยาว์ไม่ใช่การใด
ๆ ซึ่งผู้เยาว์อาจให้ความยินยอม โดยลำพังได้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 22 มาตรา 23 หรือมาตรา 24 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองที่มีอำนาจกระทำการแทนผู้เยาว์ด้วย

(ข) ในกรณีที่ผู้เยาว์มีอายุไม่เกินสิบปี
ให้ขอความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองที่มีอำนาจกระทำการแทนผู้เยาว์

ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคนไร้ความสามารถ
การขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว ให้ขอความยินยอมจากผู้อนุบาลที่มีอำนาจกระทำการแทนคนไร้ความสามารถ
ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ การขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว
ให้ขอความยินยอมจากผู้พิทักษ์ที่มีอำนาจกระทำการแทนคนเสมือนไร้ความสามารถ

11.)
ผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ V2X

บริษัท และผู้แทนจำหน่ายเป็นนิติบุคคลแยกจากกันและต่างมีนโยบายความเป็นส่วนตัวของตนเอง
หากท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับแนวทางปฎิบัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้แทนจำหน่าย
รวมไปถึงหากท่านไม่ต้องการรับการแจ้งข้อมูลข่าวสาร การประชาสัมพันธ์ การสื่อสาร
และการส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์หรือการให้บริการของผู้แทนจำหน่ายที่ไม่เกี่ยวข้องกับ
V2X กรุณาติดต่อไปที่ผู้แทนจำหน่ายนั้นโดยตรง

เมื่อท่านซื้อผลิตภัณฑ์จากผู้แทนจำหน่าย
ผู้แทนจำหน่ายจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บริษัท ผู้แทนจำหน่ายและบริษัทต่างเป็นนิติบุคคลแยกจากกันและท่านควรอ่านนโยบายความเป็นส่วนตัวของผู้แทนจำหน่ายเพื่อให้มั่นใจว่าท่านเข้าใจแนวทางและวิธีปฎิบัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้แทนจำหน่ายนั้นๆ
นอกจากนี้ เนื่องจากโดยทั่วไปผู้แทนจำหน่ายมักเป็นช่องทางแรกในการติดต่อของท่าน
ผู้แทนจำหน่ายจึงเป็นผู้ที่สามารถให้คำตอบแก่ท่านเกี่ยวกับแนวทางปฎิบัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้
และแม้ บริษัท จะสนับสนุนให้ผู้แทนจำหน่ายตรวจสอบให้มั่นใจว่าได้ปฎิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่
อีกทั้งให้ข้อมูลเกี่ยวกับหน้าที่ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแก่ผู้แทนจำหน่ายแล้ว
แต่ บริษัท ไม่มีส่วนรับผิดชอบในการปฎิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องของผู้แทนจำหน่าย

12.)
สิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

ท่านมีสิทธิต่อไปนี้เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความครอบครองของบริษัท
หากท่านประสงค์จะขอใช้สิทธิ ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้ตามรายละเอียดในหัวข้อ
“วิธีการติดต่อบริษัท” ข้างต้น

12.1)
สิทธิในการเข้าถึง

ท่านอาจขอเข้าถึงหรือขอทราบรายละเอียดของข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้แก่บริษัทได้
เว้นแต่ เป็นการปฏิเสธตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือ
การเข้าถึงหรือขอทราบรายละเอียดนั้นจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่น

12.2)
สิทธิในการแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง

ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหากข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับท่านที่อยู่ในความครอบครองของบริษัทนั้นไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์

12.3)
สิทธิในการขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล

ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทลบหรือทำลาย
หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้
ในกรณีดังต่อไปนี้

(ก)
ข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมหรือใช้อีกต่อไป

(ข)
ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้เพิกถอนความยินยอมให้บริษัททำการเก็บรักษา ใช้
และเปิดเผย และบริษัทได้ทำการตรวจสอบแล้ว
ไม่มีเหตุตามกฎหมายที่บริษัทจะสามารถเก็บรวบรวมหรือใช้อีกต่อไป

(ค)
ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ทำการคัดค้านมิให้บริษัททำเก็บรวบรวมหรือใช้อีกต่อไป
และบริษัทไม่สามารถปฏิเสธคำขอคัดค้านโดยอาศัยข้อยกเว้นทางกฎหมายที่มีผลใช้บังคับ

(ง) ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านขอคัดค้านการเก็บรวบรวม
ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง

(จ) ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นมีการเก็บรวบรวม
ใช้ และเปิดเผยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย

ท่านมีสิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้ข้างต้น
เว้นแต่เข้าข้อยกเว้นตามกฎหมาย เช่น
การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลนั้นมีความจำเป็นตามวัตถุประสงค์เพื่อการปฏิบัติตามสัญญา
หรือเพื่อวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย ปฏิบัติตาม
ใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือยกขึ้นต่อสู้ข้อสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือวัตถุประสงค์อื่นที่กฎหมายกำหนดไว้

12.4)
สิทธิในการจำกัดการใช้

ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ในกรณีดังต่อไปนี้

(ก)
ท่านได้ขอให้บริษัทแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์
และบริษัทอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบคำขอของท่าน

(ข)
ท่านได้ขอให้ระงับการใช้ข้อมูลที่บริษัทอาจเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยมิชอบ
แทนการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว

(ค) บริษัทหมดความจำเป็นในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม
แต่ท่านมีความจำเป็นต้องขอให้บริษัทเก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย เพื่อประโยชน์ของท่าน

(ง) ท่านได้คัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้
หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอาศัยหรืออ้างประโยชน์สาธารณะ
หรือการใช้อำนาจรัฐ หรือประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
และบริษัทอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบคำขอของท่าน

(จ) ท่านได้คัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้
หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอาศัยหรืออ้างการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์
ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ (หากมี) และบริษัทอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบคำขอของท่าน

12.5)
สิทธิในการคัดค้าน

ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้
หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ ในกรณีดังต่อไปนี้

(ก)
เป็นการดำเนินการเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลอื่น

(ข) เป็นการดำเนินการเพื่อประโยชน์สาธารณะ
หรือการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่บริษัท

(ค) กรณีที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้
หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาดแบบตรง

(ง)
เป็นการดำเนินการเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์
ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ (หากมี)

หากท่านใช้สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม
ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว ท่านมีสิทธิแจ้งความประสงค์ว่าจะให้บริษัทลบหรือจำกัดการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพิ่มเติมได้

12.6)
สิทธิในการโอนย้าย

ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทเก็บรวบรวมไว้
โดยขอให้บริษัทส่งข้อมูลดังกล่าวให้ท่านในรูปแบบเอกสารหรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยวิธีการอัตโนมัติได้
เว้นแต่
การขอโอนย้ายข้อมูลดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการได้ภายใต้ข้อจำกัดของวิธีการของบริษัท

12.7)
สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม

ท่านมีสิทธิถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้
หรือเปิดเผยได้ หากเป็นกรณีที่ท่านได้เคยให้ความยินยอมไว้กับบริษัท
เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธิในการถอนความยินยอมโดยกฎหมาย
หรือการปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาของบริษัทที่เป็นประโยชน์แก่ท่าน ทั้งนี้
การถอนความยินยอมของท่านจะไม่ส่งผลกระทบต่อ การเก็บรวบรวม ใช้
หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้ว

12.8)
สิทธิในการร้องเรียน

ท่านมีสิทธิร้องเรียนเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม
ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ ในกรณีที่พบว่าบริษัทฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย
โดยท่านสามารถร้องเรียนได้ผ่านช่องทางการติดต่อของบริษัท และท่านอาจร้องเรียนกรณีดังกล่าวไปยังคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้

อย่างไรก็ดี บริษัทฯ
อาจปฏิเสธการใช้สิทธิดังกล่าวข้างต้นของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามหลักเกณฑ์ที่บริษัทฯ
กำหนด โดยไม่ขัดต่อกฎหมาย

บริษัท
จะจัดให้มีช่องทางเพื่อให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถติดต่อมายังบริษัทฯ ตามข้อ 2) เพื่อดำเนินการยื่นคำร้องขอดำเนินการตามสิทธิข้างต้นได้
ในกรณีที่บริษัทฯ ปฏิเสธคำร้องขอข้างต้น บริษัทฯ
จะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบ

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่บริษัทฯ
ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ลูกจ้างหรือ ผู้รับจ้างของบริษัท
ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือประกาศที่ออกตามพระราชบัญญัติดังกล่าว

13.)
การแก้ไขนโยบายฯ
นี้

13.1)
บริษัทอาจแก้ไขนโยบายฯ
นี้เป็นครั้งคราวเพื่อให้สอดคล้องกับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่เปลี่ยนแปลงไป
และเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายที่บังคับใช้
โดยบริษัทจะแจ้งนโยบายที่เปลี่ยนแปลงให้ท่านทราบผ่านช่องทางการติดต่อของบริษัท

13.2) บริษัทจะใช้นโยบายฯ ฉบับล่าสุด
สำหรับอ้างอิงวิธีการในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

นโยบายฯ
นี้มีผลบังคับวันที่ 1 มิถุนายน
2565
และให้ใช้แทนนโยบายความเป็นส่วนตัวต่าง ๆ ที่บริษัทกำหนดมาก่อนหน้านี้ทั้งหมด

ประกาศ ณ. วันที่
พฤษภาคม 2565

(                                                          )